วันอังคาร, 17 กันยายน 2567

10 ตู้เชื่อม ไท วัสดุ ยอดนิยมปี 2024 สำหรับงานเชื่อมโลหะที่บ้าน

1. ตู้เชื่อมไฟฟ้า IWELD รุ่น MMA-250

ตู้เชื่อมไฟฟ้า IWELD รุ่น MMA-250 เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับช่างเชื่อมมือใหม่ เนื่องจากใช้งานง่าย มีน้ำหนักเบา และราคาไม่แพง ตู้เชื่อมรุ่นนี้เหมาะสำหรับงานเชื่อมเหล็กและสแตนเลส มีระบบป้องกันความร้อนสูงเกินไป ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่อง

2. ตู้เชื่อมอินเวอร์เตอร์ KANTO รุ่น KT-200A

หากคุณต้องการตู้เชื่อมที่ทนทาน ตู้เชื่อมอินเวอร์เตอร์ KANTO รุ่น KT-200A คือสิ่งที่คุณกำลังมองหา ด้วยเทคโนโลยี IGBT ที่ช่วยให้เชื่อมได้นุ่มนวลและลดการกระเด็นของประกายไฟ ตู้เชื่อมรุ่นนี้เหมาะสำหรับงานเชื่อมหลากหลายประเภท ทั้งงานอุตสาหกรรมและงาน DIY ที่บ้าน

คุณสมบัติเด่น:

  • ใช้เทคโนโลยี IGBT ช่วยให้เชื่อมได้ราบรื่น
  • ปรับกระแสได้ตั้งแต่ 20-200 แอมป์
  • มีระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร

3. ชุดเชื่อมอาร์กอนพร้อมอุปกรณ์ WELPRO รุ่น WSME-250

สำหรับมือใหม่ที่อยากเรียนรู้การเชื่อมแบบ TIG ชุดเชื่อมอาร์กอนพร้อมอุปกรณ์ WELPRO รุ่น WSME-250 คือชุดเชื่อมที่คุ้มค่าที่สุด ชุดนี้มาพร้อมอุปกรณ์ครบชุด ได้แก่ ปืนเชื่อม สายกราวด์ สายไฟ และหัวเชื่อม คุณจึงไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม ควบคุมกระแสเชื่อมได้ง่าย และยังใช้กับงานเชื่อมเหล็ก สแตนเลส และอลูมิเนียมได้หลากหลาย

4. ตู้เชื่อมระบบพัลส์ HITBOX รุ่น MIG200

ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมระบบพัลส์ ตู้เชื่อม HITBOX รุ่น MIG200 ช่วยให้คุณเชื่อมชิ้นงานหนาได้ง่าย โดยไม่ทำให้ชิ้นงานบิดเบี้ยว เหมาะสำหรับเชื่อมอลูมิเนียมและสแตนเลสที่มีความหนามาก ตู้เชื่อมนี้มีระบบป้องกันความร้อนสูงเกิน ช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น

ข้อดี:

  • เชื่อมชิ้นงานหนาได้ดี โดยไม่ทำให้ชิ้นงานบิดเบี้ยว
  • ใช้เชื่อมได้หลากหลายวัสดุ ทั้งเหล็ก สแตนเลส และอลูมิเนียม
  • ควบคุมความร้อนได้ง่ายผ่านจอแสดงผลดิจิตอล

5. เครื่องเชื่อมไฟฟ้า KANTO รุ่น KT-300

เครื่องเชื่อมไฟฟ้า KANTO รุ่น KT-300 เป็นเครื่องเชื่อมที่ทนทานและอเนกประสงค์ เหมาะสำหรับใช้ทำงานหนักในอู่ซ่อมรถหรือโรงงานอุตสาหกรรม เครื่องนี้ปรับกระแสเชื่อมได้ง่าย และมีพัดลมระบายความร้อนในตัว จึงป้องกันความร้อนสูงเกินและทำให้เครื่องทนทานยิ่งขึ้น

6. ตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสสลับ BX1 รุ่น BX1-250C

ตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสสลับ BX1 รุ่น BX1-250C เหมาะสำหรับใช้เชื่อมงานที่มีช่วงการเชื่อมสั้น ๆ เช่น งานซ่อมบำรุง เนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัด และใช้ไฟฟ้าน้อย ตู้เชื่อมนี้ให้กระแสเชื่อมสูงสุด 250 แอมป์ และมีสายเชื่อมยาว 3 เมตร ให้ความคล่องตัวในการทำงาน

ข้อดี:

  • ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่
  • ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
  • ให้กระแสเชื่อมแรงต่อเนื่องสำหรับงานเชื่อมที่ไม่หนักมาก

7. ตู้เชื่อมไฟฟ้า WIM รุ่น Pocket-200

ตู้เชื่อมไฟฟ้า WIM รุ่น Pocket-200 เป็นตู้เชื่อมขนาดพกพาที่มีน้ำหนักเบา เหมาะกับการนำไปทำงานข้างนอก เพราะใช้ไฟเพียง 220 โวลต์ จึงสามารถใช้กับปลั๊กไฟทั่วไปได้ ตู้เชื่อมนี้มีกระแสเชื่อมสูงสุด 200 แอมป์ และมีระบบป้องกันไฟเกินและไฟตก โดยตัดการทำงานอัตโนมัติเมื่อมีปัญหา

8. ตู้เชื่อมไฟฟ้า Makita รุ่น IGBT 160A

ตู้เชื่อมไฟฟ้า Makita รุ่น IGBT 160A ใช้เทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ที่ล้ำสมัย ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเชื่อมได้นุ่มนวลกว่าเครื่องเชื่อมทั่วไป ตู้เชื่อมนี้ปรับกระแสได้ละเอียด ให้กระแสเชื่อมสูงสุด 160 แอมป์ และมีโหมดเชื่อมที่ปรับแต่งได้หลากหลาย

คุณสมบัติเด่น:

  • ใช้เทคโนโลยี IGBT ที่เชื่อมได้นุ่มนวล
  • ปรับกระแสเชื่อมได้ละเอียด
  • มีโหมดเชื่อมให้เลือกตามประเภทงาน เช่น งานประกอบ งานซ่อม เป็นต้น

9. เครื่องเชื่อมไฟฟ้า SHUAIPU รุ่น SP-250

เครื่องเชื่อมไฟฟ้า SHUAIPU รุ่น SP-250 เป็นเครื่องเชื่อมอเนกประสงค์ที่ใช้เชื่อมได้ทั้งงานบางและหนา มีกระแสเชื่อมสูงสุด 250 แอมป์ และปรับกระแสได้ง่ายด้วยปุ่มหมุน เครื่องเชื่อมนี้มีหน้าจอ LED แสดงผลการตั้งค่า พร้อมระบบป้องกันความร้อนสูงเกินที่ช่วยยืดอายุการใช้งาน

10. ตู้เชื่อมไฟฟ้า Stanley รุ่น STAR3200

หากคุณต้องการตู้เชื่อมสำหรับงานหนัก ตู้เชื่อมไฟฟ้า Stanley รุ่น STAR3200 คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ตู้เชื่อมนี้ให้กระแสเชื่อมสูงสุดถึง 200 แอมป์ และมีดิวตี้ไซเคิลที่ 30% ซึ่งหมายถึงคุณสามารถเชื่อมต่อเนื่องได้นานโดยไม่ต้องกลัวเครื่องร้อนเกินไป นอกจากนี้ยังมีชุดล้อเลื่อนที่ถอดเก็บได้ ทำให้เคลื่อนย้ายตู้เชื่อมไปตามที่ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก

ข้อดี:

  • มีกระแสเชื่อมสูงสุด 200 แอมป์ ใช้เชื่อมชิ้นงานหนาได้ดี
  • มีดิวตี้ไซเคิล 30% สำหรับการเชื่อมระยะยาว
  • ถอดล้อเลื่อนเก็บได้ เพิ่มความสะดวกในการเคลื่อนย้ายเครื่อง

สรุป

การเลือกตู้เชื่อมให้เหมาะกับประเภทงานเป็นสิ่งสำคัญ เพราะคุณจะได้ตู้เชื่อมที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณมากที่สุด หากคุณเป็นมือใหม่ การเลือกตู้เชื่อมแบบเบสิกที่ปรับแต่งได้ง่ายและราคาไม่แพงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณต้องการเชื่อมงานหนัก ตู้เชื่อมที่มีเทคโนโลยีระบบพัลส์หรือกระแสเชื่อมสูงก็จะช่วยให้คุณเชื่อมชิ้นงานหนา ๆ ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าคุณจะเลือกตู้เชื่อมรุ่นไหน อย่าลืมใส่ใจกับความปลอดภัยและอ่านคู่มือการใช้งานอย่างละเอียดก่อนลงมือเชื่อมทุกครั้ง