1. Bosch GSA 18V-LI Professional Cordless Reciprocating Saw
ข้อดี
- มีประสิทธิภาพในการตัดสูง ด้วยมอเตอร์ไร้แปรงถ่าน
- มีระบบควบคุมการสั่นสะเทือน ช่วยลดความเมื่อยล้าในการทำงาน
- ใช้งานได้นานถึง 30 นาทีต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง
ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูง
- น้ำหนักเครื่องค่อนข้างมาก
2. DeWalt DCS367N XR Brushless Compact Reciprocating Saw
ข้อดี
- มีประสิทธิภาพในการตัดสูง ด้วยมอเตอร์ไร้แปรงถ่าน
- มีไฟ LED ส่องสว่างบริเวณที่ตัด ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการทำงาน
- มีน้ำหนักเบา เพียง 2.4 กิโลกรัม ใช้งานได้สะดวก
ข้อเสีย
- ราคาสูง
- แบตเตอรี่และแท่นชาร์จแยกจำหน่าย
3. Milwaukee M18 FUEL Sawzall Reciprocating Saw Kit
ข้อดี
- มีประสิทธิภาพการตัดที่ยอดเยี่ยม ตัดเร็วกว่าเลื่อยไฟฟ้าแบบมีสายถึง 30%
- ใช้งานได้ยาวนานถึง 50 นาทีต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
- มีระบบป้องกันการใช้งานหนักเกินไป ยืดอายุการใช้งานของเครื่อง
ข้อเสีย
- ราคาแพง
- ใบเลื่อยมีราคาสูง
4. Makita DJR187Z 18V LXT Li-Ion Cordless Reciprocating Saw
ข้อดี
- มีระบบเปลี่ยนใบเลื่อยได้รวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ
- มีระบบป้องกันการใช้งานหนักเกินไป ยืดอายุการใช้งานของเครื่อง
- มีน้ำหนักเบา เพียง 3.3 กิโลกรัม สะดวกในการใช้งาน
ข้อเสีย
- แบตเตอรี่และแท่นชาร์จแยกจำหน่าย
- ใช้งานได้ไม่นานเท่ากับรุ่นอื่นๆ ประมาณ 20 นาทีต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
5. RYOBI ONE+ P514 18V Cordless Reciprocating Saw
ข้อดี
- ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น
- มีน้ำหนักเบา เพียง 2 กิโลกรัม สะดวกต่อการใช้งาน
- เข้ากันได้กับแบตเตอรี่ RYOBI ONE+ รุ่นอื่นๆ
ข้อเสีย
- ประสิทธิภาพการตัดต่ำกว่ายี่ห้ออื่น
- ไม่มีระบบควบคุมการสั่นสะเทือน
6. WORX WX508L 20V Power Share Axis Cordless Reciprocating Saw
ข้อดี
- สามารถปรับองศาของใบเลื่อยได้ถึง 4 ทิศทาง ใช้งานได้หลากหลาย
- มีการออกแบบที่เน้นความสมดุลในการจับ ลดความเมื่อยล้า
- เข้ากันได้กับแบตเตอรี่ WORX Power Share รุ่นอื่นๆ
ข้อเสีย
- คุณภาพอาจไม่ทัดเทียมกับแบรนด์ชั้นนำ
- ระยะเวลาการรับประกันสั้นกว่าบางยี่ห้อ
7. SKIL PWRCore 20 Brushless 20V Compact Reciprocating Saw
ข้อดี
- มีประสิทธิภาพการตัดสูง ด้วยมอเตอร์ไร้แปรงถ่าน
- มีระบบเปลี่ยนใบเลื่อยได้ง่าย ไม่ต้องใช้เครื่องมือ
- ใช้งานได้นานถึง 30 นาทีต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
ข้อเสีย
- ไม่มีระบบควบคุมการสั่นสะเทือน
- แบตเตอรี่และแท่นชาร์จแยกจำหน่าย
8. Hilti WSR 18-A CPC Cordless Reciprocating Saw
ข้อดี
- มีประสิทธิภาพการตัดสูงมาก สำหรับงานหนัก
- สร้างแรงสั่นสะเทือนต่ำ ใช้งานได้สบายตลอดวัน
- สามารถเชื่อมต่อกับแอป Hilti Connect เพื่อตรวจสอบสถานะได้
ข้อเสีย
- ราคาสูงมาก
- แบตเตอรี่และแท่นชาร์จแยกจำหน่าย ราคาแพง
9. CRAFTSMAN V20 Cordless Reciprocating Saw Kit
ข้อดี
- ราคาไม่แพงนัก เหมาะสำหรับมือสมัครเล่น
- พร้อมแบตเตอรี่และแท่นชาร์จในชุด
- มีระบบเปลี่ยนใบเลื่อยง่าย ไม่ต้องใช้เครื่องมือ
ข้อเสีย
- ประสิทธิภาพการตัดไม่สูงนัก เหมาะกับงานเบา
- ไม่มีระบบควบคุมการสั่นสะเทือน
10. RIDGID OCTANE 18V Brushless Reciprocating Saw R8642B
ข้อดี
- มีแรงตัดสูงถึง 3200 SPM ตัดได้รวดเร็ว
- ใช้งานได้ยาวนานถึง 45 นาทีต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
- มีระบบลดการสั่นสะเทือน ช่วยป้องกันความเมื่อยล้า
ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูง
- ใบเลื่อยและอุปกรณ์เสริมมีราคาแพง
เมื่อเลือกซื้อเลื่อยไฟฟ้าไร้สาย ให้พิจารณาถึงประสิทธิภาพในการตัด ระยะเวลาในการใช้งานต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง รวมถึงน้ำหนักและความสะดวกในการใช้งาน โดยเลือกให้เหมาะกับลักษณะงานและงบประมาณที่มี เพื่อให้ได้เลื่อยไร้สายที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณมากที่สุด
คำถามที่พบบ่อย
1. เลื่อยไฟฟ้าไร้สายรุ่นไหนเหมาะกับงานตัดไม้ขนาดใหญ่?
เลื่อยไร้สายที่มีประสิทธิภาพสูงและแรงตัดมาก เช่น Milwaukee M18 FUEL Sawzall, Hilti WSR 18-A หรือ Bosch GSA 18V-LI เหมาะสำหรับงานตัดไม้ขนาดใหญ่ เพราะมีแรงและความเร็วในการตัดที่มากเป็นพิเศษ
2. อะไหล่และอุปกรณ์เสริมของเลื่อยไร้สายหาซื้อได้ง่ายหรือไม่?
เลื่อยไร้สายจากแบรนด์ชั้นนำส่วนใหญ่ เช่น Bosch, DeWalt, Makita หรือ Milwaukee จะมีอะไหล่และอุปกรณ์เสริมวางจำหน่ายทั่วไป สามารถหาซื้อได้ไม่ยาก ในขณะที่บางแบรนด์อาจมีจำหน่ายน้อยกว่า
3. เลื่อยไร้สายเหมาะกับการใช้งานบ่อยแค่ไหน?
หากต้องใช้เลื่อยเป็นประจำทุกวัน แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีคุณภาพสูง ทนทาน และมีระบบระบายความร้อนที่ดี เพื่อป้องกันความเสียหายจากการใช้งานหนัก ส่วนการใช้งานตามบ้านทั่วไป เลื่อยรุ่นมาตรฐานก็เพียงพอแล้ว