เลื่อยวงเดือน 4 นิ้ว 12 รุ่นยอดนิยมปี 2024
- BOSCH GKS 12V-26 Professional เลื่อยวงเดือนไร้สาย
ข้อดี:
- ตัดได้ลึกถึง 26.5 มม. ที่องศา 90 องศา
- น้ำหนักเบาเพียง 1.4 กก. จับถนัดมือ
- ระบบ Electronic Motor Protection (EMP) ป้องกันมอเตอร์จากการใช้งานหนัก
- ผลิตด้วยมาตรฐานเยอรมัน
ข้อควรพิจารณา:
- ราคาสูงกว่ารุ่นทั่วไปในท้องตลาด
- DEWALT DWE560 เลื่อยวงเดือน 7-1/4 นิ้ว
ข้อดี:
- มาพร้อมมอเตอร์ 1350 วัตต์พลังแรง
- ตัดได้ลึกถึง 65 มม. ที่องศา 90 องศา
- น้ำหนักเบาเพียง 3.7 กก.
- มีระบบล็อคใบเลื่อยป้องกันการหมุนขณะเปลี่ยนใบ
ข้อควรพิจารณา:
- เป็นเลื่อยแบบมีสาย ต้องใช้ไฟฟ้า
- Makita HS7600 เลื่อยวงเดือนแบบมีสาย
ข้อดี:
- มาพร้อมมอเตอร์ 1200 วัตต์ แรงดีพอตัว
- ตัดลึก 66 มม. ที่ 90 องศา
- น้ำหนักเบาเฉียบ 3.8 กก. เท่านั้น
- มีฟังก์ชั่นล็อคเพลาป้องกันอันตราย
ข้อควรพิจารณา:
- ไม่เหมาะสำหรับงานหนักนอกสถานที่
- Stanley STSC1518 เลื่อยวงเดือนมีสาย
ข้อดี:
- ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น
- พลังมอเตอร์ 1510 วัตต์ ตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ความลึกในการตัด 63 มม. ที่ 90 องศา
- มีระบบล็อคเพลา เพิ่มความปลอดภัย
ข้อควรพิจารณา:
- เสียงดังขณะใช้งาน อาจรบกวนคนรอบข้าง
- SKIL 5680 เลื่อยวงเดือน 7 นิ้ว
ข้อดี:
- กำลังไฟ 1400 วัตต์ เหมาะกับงานหลากหลาย
- ตัดไม้หนา 65 มม. ที่องศา 90
- ใช้งานง่ายทั้งผู้เริ่มต้นและมืออาชีพ
- น้ำหนักเบา จับถนัดมือ
ข้อควรพิจารณา:
- ไม่มีไฟ LED ส่องสว่างพื้นที่ตัด
- WORX WX426 เลื่อยวงเดือน 400 วัตต์
ข้อดี:
- ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา 2.4 กก.
- เหมาะกับงาน DIY ทั่วไป
- มีแบตเตอรี่ในตัว ตัดได้นานต่อเนื่อง
- มือจับนุ่มสบาย ป้องกันการลื่น
ข้อควรพิจารณา:
- กำลังไฟไม่สูงพอสำหรับงานหนัก
- ตัดไม้ได้หนาไม่เกิน 27 มม.
- Bosch GKS 190 Professional เลื่อยวงเดือน
ข้อดี:
- มาพร้อมกำลังไฟ 1400 วัตต์ ตัดได้หลากหลายวัสดุ
- ปรับความลึกการตัดได้สูงสุด 70 มม. ที่ 90 องศา
- ตัวเครื่องแข็งแรงทนทาน ผลิตจากเยอรมนี
- มีระบบ Constant Electronic รักษาความเร็วคงที่
ข้อควรพิจารณา:
- ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ น้ำหนักมากกว่าปกติ
- Ryobi R18CS7-0 เลื่อยวงเดือนไร้สาย
ข้อดี:
- ใช้งานได้นานทนทานด้วยแบตเตอรี่ 18V Lithium+
- ปรับความลึกในการตัดได้สูงสุด 54 มม.
- ดีไซน์สวยทันสมัย ด้ามจับสบายมือ
- น้ำหนักเบาเพียง 2.8 กก.
ข้อควรพิจารณา:
- ต้องซื้อแบตเตอรี่และแท่นชาร์จแยกต่างหาก
- Hikoki C7ST เลื่อยวงเดือน 1710 วัตต์
ข้อดี:
- พลังตัดแรงด้วยมอเตอร์ 1710 วัตต์
- ตัดได้ลึกสุด 67 มม. ที่ 90 องศา
- ใบเลื่อยขนาดใหญ่ 7-1/4 นิ้ว ตัดได้กว้าง
- ควบคุมความลึกได้ละเอียดด้วยมาตรวัด
ข้อควรพิจารณา:
- เป็นรุ่นสายไฟ ไม่สะดวกนอกสถานที่
- Maktec MT583 เลื่อยวงเดือนแบบมีสาย
ข้อดี:
- ราคาประหยัด คุ้มค่า คุณภาพดี
- มาพร้อมกำลังไฟ 1050 วัตต์
- ตัดลึกได้ถึง 65 มม. ที่ 90 องศา
- มีตัวล็อคใบเลื่อยเวลาเปลี่ยนใบง่ายดาย
ข้อควรพิจารณา:
- รุ่นเก่าหน่อย อาจหาอะไหล่ยาก
- BLACK+DECKER BDCCS20B เลื่อยวงเดือนไร้สาย
ข้อดี:
- น้ำหนักเบาเยาเพียง 1.4 กก.
- เหมาะกับงาน DIY เล็กๆ น้อยๆ
- ชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง ใช้ได้นาน
- ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก
ข้อควรพิจารณา:
- ตัดได้ไม่หนามาก เหมาะกับงานเบาๆ
- Metabo KS 55 FS เลื่อยวงเดือน 1200 วัตต์
ข้อดี:
- โครงสร้างอลูมิเนียมอัลลอยด์ ทนทาน แข็งแรง
- ปรับความเร็วได้ตามประเภทวัสดุ
- ตัดลึกถึง 55 มม. ที่ 90 องศา
- ผลิตโดยบริษัทชั้นนำจากเยอรมนี
ข้อควรพิจารณา:
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น
สรุป
การเลือกเลื่อยวงเดือนที่เหมาะกับการใช้งานของคุณ ควรพิจารณาปัจจัยหลายด้าน ทั้งขนาดวัสดุที่ต้องการตัด ความสะดวกในการใช้งาน น้ำหนักเครื่อง รวมถึกกำลังมอเตอร์ที่จำเป็น ต้องคำนึงถึงการนำไปใช้ว่าเหมาะกับงานหนักหรืองานเบาแค่ไหน ใช้งานในสถานที่หรือนอกสถานที่ เลือกเป็นเลื่อยมีสายหรือไร้สาย งบประมาณต้องสอดคล้อง คุณภาพต้องคุ้มราคา
หากเป็นผู้ใช้งานมืออาชีพ อาจเน้นไปที่ยี่ห้อระดับพรีเมียม ตัวเครื่องแข็งแรง ทนทาน บริการหลังการขายดี อะไหล่หาง่าย แต่หากซื้อมาใช้ในบ้าน ทำ DIY เป็นงานอดิเรก เน้นประหยัด แนะนำรุ่นราคาไม่สูงจนเกินไป แต่ใช้งานได้ครบครัน เหมาะสมกับทักษะของผู้ใช้
มีเลื่อยวงเดือนหลากหลายยี่ห้อให้เลือกตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น Bosch, DEWALT, Makita, Ryobi, Hikoki ฯลฯ ทั้งรุ่นมีสายและไร้สาย กำลังตัดแรง น้ำหนักเบา ราคาประหยัด อยู่ที่เราจะเลือกแบบไหนให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้งานของตัวเองมากที่สุด ไม่ต้องจ่ายแพงเกินไปหากไม่จำเป็น รู้จักประเมินความต้องการให้ดี เชื่อว่าเลื่อยวงเดือน 12 รุ่น 12 สไตล์ข้างต้น จะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของคุณได้ไม่มากก็น้อย