เครื่องวัด VOC คืออะไร ทำไมต้องใช้?
ในยุคที่มลพิษทางอากาศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การเฝ้าระวังและตรวจสอบคุณภาพอากาศจึงเป็นเรื่องสำคัญ เครื่องวัด VOC หรือ Volatile Organic Compounds เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยวัดปริมาณสารอินทรีย์ระเหยในอากาศ ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม การใช้เครื่องวัด VOC จึงช่วยให้เราทราบระดับของสารพิษในอากาศและสามารถป้องกันได้อย่างทันท่วงที คุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะมาดู 7 เครื่องวัด VOC ยอดนิยมในปี 2024 ที่มีคุณสมบัติเด่นและการใช้งานหลากหลายกัน
1. Temtop M2000C
คุณสมบัติเด่น
- วัดค่า TVOC, HCHO, PM2.5, PM10, อุณหภูมิและความชื้น
- หน้าจอสี LCD ขนาดใหญ่ อ่านค่าง่าย
- ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมในตัว ชาร์จไฟได้
- เชื่อมต่อ Wi-Fi และแอป Temtop ได้
การใช้งาน
Temtop M2000C เหมาะสำหรับใช้ในบ้าน สำนักงาน โรงเรียน และโรงงานอุตสาหกรรม ช่วยตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคารได้แม่นยำ สามารถติดตั้งแขวนผนังหรือตั้งโต๊ะได้ตามต้องการ ราคาประมาณ 3,000 บาท
2. BSIDE EET100
คุณสมบัติเด่น
- วัดค่า HCHO และ TVOC ได้แม่นยำ
- ขนาดเล็ก พกพาสะดวก
- เชื่อมต่อมือถือผ่านแอป รายงานผลได้รวดเร็ว
การใช้งาน
BSIDE EET100 เป็นเครื่องมือพกพาขนาดเล็ก สามารถพกไปใช้ตรวจวัดคุณภาพอากาศในรถยนต์หรือห้องพักโรงแรมได้ เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย ราคาประมาณ 1,500 บาท
3. Air Quality Monitor
คุณสมบัติเด่น
- วัดค่า VOC, PM2.5, CO2, อุณหภูมิและความชื้น
- แจ้งเตือนเมื่อค่าเกินมาตรฐาน
- มี Relay ควบคุมอุปกรณ์ต่อพ่วง เช่น เครื่องฟอกอากาศ
การใช้งาน
Air Quality Monitor เป็นอุปกรณ์ติดตั้งในห้องที่มีการใช้งานหลากหลาย เหมาะสำหรับบ้าน ห้องเรียน หรือออฟฟิศ สามารถควบคุมสวิทช์เปิด-ปิดอุปกรณ์ฟอกอากาศแบบอัตโนมัติได้ ราคาประมาณ 4,000 บาท
4. WP6910 Air Quality Detector
คุณสมบัติเด่น
- วัดค่า PM2.5, PM1.0, PM10 และ VOC
- หน้าจอคมชัด แสดงผลทั้งระดับสีและตัวเลข
- แบตเตอรี่อึด ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 6 ชั่วโมง
การใช้งาน
WP6910 พกพาสะดวก สามารถใช้งานได้ทั้งในอาคารและกลางแจ้ง เหมาะสำหรับตรวจวัดคุณภาพอากาศในที่ต่างๆ เช่น สวนสาธารณะ สนามกีฬา หรือแม้แต่ในบ้าน ราคาประมาณ 2,500 บาท
5. Xiaomi Clear Grass Air Detector
คุณสมบัติเด่น
- ดีไซน์สวยงาม ทันสมัย แต่ราคาไม่แพง
- วัดค่า PM2.5, TVOC และ CO2
- เชื่อมต่อ Wi-Fi และแอป Xiaomi ได้
- รองรับการสั่งงานผ่าน Xiaomi AI Speaker
การใช้งาน
เครื่องวัด VOC จาก Xiaomi รุ่นนี้เหมาะสำหรับใช้ในบ้าน วางประดับได้กลมกลืนกับเฟอร์นิเจอร์ สามารถควบคุมผ่านแอปและสั่งงานด้วยเสียงได้อย่างสะดวกสบาย ราคาประมาณ 1,200 บาท
6. HYDROFARM APCEM2
คุณสมบัติเด่น
- ออกแบบมาสำหรับใช้ในฟาร์มและโรงเรือนโดยเฉพาะ
- วัดค่า VOC และอุณหภูมิ ความชื้นได้
- ทนทานต่อสภาพแวดล้อมหลากหลาย
การใช้งาน
HYDROFARM APCEM2 เป็นเครื่องวัด VOC สำหรับงานเกษตรกรรมในฟาร์มและโรงเรือนที่ต้องการเฝ้าระวังปริมาณสารพิษที่มีผลต่อพืชผล ใช้งานได้ทนทาน ผลิตจากวัสดุกันน้ำ ราคาประมาณ 8,000 บาท
7. FLUKE 985
คุณสมบัติเด่น
- วัดค่า VOC ได้อย่างแม่นยำ เชื่อถือได้
- รองรับหัววัดชนิดต่างๆ ใช้งานได้หลากหลาย
- ทนทานสูง ผ่านการรับรองจาก IEC
การใช้งาน
FLUKE 985 เป็นเครื่องมือระดับมืออาชีพสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านคุณภาพอากาศ ใช้วัดและวิเคราะห์ปริมาณ VOC อย่างละเอียด มีอุปกรณ์เสริมให้เลือกใช้งานได้ตามต้องการ ราคาค่อนข้างสูง ประมาณ 70,000 บาท
วิธีเลือกเครื่องวัด VOC ให้เหมาะกับการใช้งาน
ก่อนจะเลือกซื้อเครื่องวัด VOC ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- วัตถุประสงค์ในการใช้งาน – ใช้ในบ้าน สำนักงาน หรือโรงงานอุตสาหกรรม
- คุณสมบัติที่ต้องการ – วัดได้เฉพาะ VOC หรือต้องการวัดค่าอื่นๆ ด้วย เช่น PM2.5, CO2 เป็นต้น
- ขนาดและน้ำหนัก – พกพาสะดวกหรือติดตั้งถาวร
- การเชื่อมต่อและรายงานผล – ต้องการเชื่อมต่อกับมือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ ไหม
- งบประมาณ – ควรกำหนดงบประมาณที่เหมาะสม โดยเลือกคุณสมบัติที่จำเป็นต่อการใช้งานจริง
สรุป
เครื่องวัด VOC เป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์ในการตรวจสอบคุณภาพอากาศทั้งในบ้าน ที่ทำงาน และพื้นที่อื่นๆ ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายรุ่น ตั้งแต่ราคาประหยัดไปจนถึงระดับมืออาชีพ สามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการและงบประมาณ โดยคำนึงถึงคุณสมบัติที่จำเป็นและเหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน เพื่อประโยชน์สูงสุดในการเฝ้าระวังมลพิษทางอากาศและสุขภาพที่ดีของเราทุกคน