10 เคล็ดลับในการเลือกกล่องใส่อาหาร 4 ช่องที่ดีที่สุด

กล่องใส่อาหาร กล่องข้าว กล่องเก็บอาหาร สแตนเลส 4 ช่อง ปิ่นโต พร้อมถ้วยใส่ซุป Lunch box

Table of Contents

เคล็ดลับที่ 1: เลือกวัสดุที่ปลอดภัยและทนทาน

เมื่อต้องเลือกกล่องใส่อาหาร 4 ช่อง สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือวัสดุที่ใช้ทำ วัสดุควรจะปลอดภัยต่อการใช้งานและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังต้องมีความทนทานแข็งแรง ไม่แตกหักง่าย เพื่อการใช้งานที่ยาวนาน

วัสดุยอดนิยมสำหรับกล่องใส่อาหาร

  • พลาสติก: เบา ทนทาน ราคาไม่แพง แต่ต้องเลือกพลาสติกเกรดดีที่ปลอดภัย
  • แก้ว: ปลอดภัย ไม่ดูดซับกลิ่น แต่มีน้ำหนักและราคาสูงกว่า
  • สแตนเลส: ทนทาน ปลอดภัย แต่ราคาสูงและหนักกว่าพลาสติก

เกร็ดน่ารู้

เลือกวัสดุให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น หากต้องอุ่นอาหารในไมโครเวฟบ่อย ๆ ควรเลือกกล่องที่ทำจากแก้วหรือพลาสติกที่ทนความร้อนได้ดี

เคล็ดลับที่ 2: ขนาดและจำนวนช่องต้องเหมาะสม

กล่องใส่อาหาร 4 ช่องมีขนาดและความจุแตกต่างกันไป ควรเลือกให้เหมาะกับปริมาณอาหารที่ต้องการใส่ในแต่ละมื้อ รวมถึงพิจารณาพื้นที่ในการจัดเก็บด้วย

ขนาดยอดนิยมของกล่องใส่อาหาร 4 ช่อง

  • ขนาดเล็ก: เหมาะสำหรับเด็กหรือผู้ที่ทานอาหารน้อย
  • ขนาดกลาง: เหมาะกับผู้ใหญ่ทั่วไป จุอาหารได้พอดี
  • ขนาดใหญ่: เหมาะสำหรับผู้ที่ทานอาหารเยอะหรือต้องการแบ่งอาหารมากกว่า 1 มื้อ

เกร็ดน่ารู้

ลองนึกภาพปริมาณอาหารที่ตัวเองทานต่อมื้อ แล้วเลือกขนาดกล่องให้พอดี อย่าเลือกใหญ่หรือเล็กจนเกินไป

เคล็ดลับที่ 3: ฝาปิดต้องแน่นหนา ป้องกันการรั่วซึม

หนึ่งในปัญหาใหญ่ของการพกพากล่องใส่อาหารคือการรั่วซึมของน้ำหรือซอส ดังนั้นควรเลือกกล่องที่มีฝาปิดแน่นหนา สามารถกันการรั่วซึมได้ดี จะได้ไม่เปื้อนเป็นคราบน้ำซอสในกระเป๋า

ประเภทฝาปิดของกล่องใส่อาหาร

  • ฝาปิดแบบธรรมดา: ปิดได้แน่นระดับหนึ่ง แต่ยังมีโอกาสรั่วซึมได้บ้าง
  • ฝาปิดซิลิโคน: มีแถบยางซิลิโคนเพิ่มความแน่นหนาในการปิดฝา ป้องกันการรั่วซึมได้ดี
  • ฝาปิดล็อค: มีตัวล็อคเพิ่มแรงกดให้ฝาปิดสนิท ช่วยป้องกันการรั่วซึมได้มากที่สุด

เกร็ดน่ารู้

ในกรณีที่ใส่อาหารที่มีน้ำหรือซอสเยอะ ลองใส่แนวนอนในถุงพลาสติกอีกชั้น เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่รั่วซึมขณะพกพา

เคล็ดลับที่ 4: ความสะดวกในการทำความสะอาด

เนื่องจากกล่องใส่อาหารเป็นสิ่งที่ต้องใช้บ่อย การทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ ควรเลือกกล่องที่ล้างทำความสะอาดง่าย ไม่มีซอกมุมให้คราบสกปรกฝังแน่น

วิธีง่าย ๆ ในการทำความสะอาดกล่องอาหาร

  • ล้างด้วยน้ำสบู่อุ่นทันทีหลังใช้งานเสร็จ อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน
  • ใช้แปรงขนนุ่มเข้าถึงซอกมุมต่าง ๆ ของกล่อง
  • บางกล่องสามารถใส่เครื่องล้างจานได้ ตรวจสอบจากคู่มือหรือข้อมูลของผู้ผลิต

เกร็ดน่ารู้

เทน้ำร้อนผสมน้ำส้มสายชูลงในกล่องแล้วแช่ทิ้งไว้ 30 นาที จะช่วยขจัดคราบไขมันและกลิ่นอับได้ดี ก่อนล้างด้วยน้ำสบู่ตามปกติ

เคล็ดลับที่ 5: มีช่องแยกสำหรับอาหารประเภทต่างๆ

กล่องใส่อาหาร 4 ช่องช่วยแยกประเภทของอาหารได้ดี ไม่ปะปนกัน ทำให้รับประทานสะดวกขึ้น บางกล่องมีช่องแยกสำหรับอาหารร้อนและเย็น หรืออาหารแห้งและอาหารที่มีน้ำ เป็นต้น

ประโยชน์ของการแยกประเภทอาหาร

  • ทำให้อาหารไม่ปนกัน รสชาติคงเดิม
  • ง่ายต่อการหยิบทานโดยไม่ต้องแยกใหม่
  • ควบคุมปริมาณแต่ละอย่างได้ หากมีข้อจำกัดด้านโภชนาการ

เกร็ดน่ารู้

วางแผนเมนูอาหารตามช่องต่าง ๆ ในกล่อง เช่น แยกผัก เนื้อสัตว์ ข้าว และผลไม้ จะช่วยจัดสัดส่วนมื้ออาหารให้ครบถ้วน

เคล็ดลับที่ 6: ใช้งานได้ในไมโครเวฟและช่องแช่แข็ง

หลายคนนิยมเตรียมอาหารล่วงหน้าแล้วนำไปอุ่นทานในภายหลัง กล่องใส่อาหาร 4 ช่องที่สามารถใช้งานในไมโครเวฟและช่องแช่แข็งได้จะมีประโยชน์มาก ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนภาชนะ

ข้อควรระวังเมื่อใช้กล่องในไมโครเวฟ

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าวัสดุของกล่องเหมาะกับการใช้ในไมโครเวฟ
  • ห้ามใช้กล่องที่มีโลหะเป็นส่วนประกอบ
  • เปิดฝาหรือเจาะรูระบายไอน้ำก่อนอุ่น ป้องกันความดันสะสม

เกร็ดน่ารู้

ก่อนแช่แข็งอาหารในกล่อง ควรรอให้เย็นลงก่อน ไม่เช่นนั้นไอความร้อนอาจทำให้กล่องเสียรูปทรงได้

เคล็ดลับที่ 7: ออกแบบที่เรียบง่าย ขนาดกะทัดรัด

กล่องใส่อาหารควรมีดีไซน์ที่เรียบง่าย ขนาดกะทัดรัด เพื่อความสะดวกในการพกพาและจัดเก็บ ไม่ควรมีส่วนเกินที่ไม่จำเป็น เพราะจะทำให้เปลืองพื้นที่

ข้อดีของกล่องใส่อาหารที่มีดีไซน์เรียบง่าย

  • ประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าหรือตู้เก็บ
  • น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
  • ทำความสะอาดได้ง่าย ไม่มีจุดอับที่เข้าถึงยาก

เกร็ดน่ารู้

หากซื้อกล่องหลายใบ ให้เลือกแบบที่สามารถวางซ้อนกันได้ จะประหยัดพื้นที่เก็บได้มาก

เคล็ดลับที่ 8: สีสันสดใส ดึงดูดใจ

แม้ประโยชน์ใช้สอยจะเป็นหัวใจสำคัญ แต่กล่องใส่อาหารที่มีสีสันสดใส ลวดลายน่ารัก ก็ช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการทานอาหารได้เช่นกัน โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่มักชอบสิ่งของหลากสี

เลือกสีกล่องให้เหมาะกับวัย

  • สำหรับเด็ก: เลือกโทนสีสดใส มีลวดลายตัวการ์ตูน
  • วัยรุ่น: เลือกสีพาสเทลหรือลายกราฟิกทันสมัย
  • วัยทำงาน: เลือกสีเรียบหรู ลายมินิมอล ดูมีระดับ

เกร็ดน่ารู้

หมั่นเปลี่ยนสีสันและลวดลายของกล่องเป็นระยะ จะช่วยไม่ให้รู้สึกเบื่อหรือจำเจกับการกินข้าวกล่องทุกวัน

เคล็ดลับที่ 9: เลือกจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ

ควรเลือกซื้อกล่องใส่อาหารจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียง เชื่อถือได้ มีการรับประกันคุณภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้กล่องที่ดี ปลอดภัย และมีอายุการใช้งานยาวนาน

แบรนด์กล่องใส่อาหารยอดนิยม

  • Lock & Lock
  • Tupperware
  • Rubbermaid
  • Sistema

เกร็ดน่ารู้

อย่าหลงเชื่อแบรนด์ที่ขายราคาถูกเกินจริง เพราะอาจได้กล่องที่มีคุณภาพต่ำ ไม่ปลอดภัย ใช้งานได้